Updates:

เว็บบาคาร่าออนไลน์ 888 มีให้เล่นครบทุกค่าย เว็บรวมคาสิโนที่โครตดี บอกไว้เลย

บรรยากาศในทีมหงส์วันนี้...ไม่มีพวกข้า ไม่มีพวกเอ็ง มีแต่พวกเรา

เริ่มโดย มาราโดน่า, เม.ย 23, 2022, 02:13 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

มาราโดน่า



เมื่อดูขุมกำลังของลิเวอร์พูลในตอนนี้ นักเตะทุกคนสมบูรณ์พร้อมให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกใช้งาน (เว้น โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่เพิ่งเจ็บเท้าคนเดียว)

    จะเป็นโชคดีหรือดวงแคล้วคลาดหรืออะไรก็แล้วแต่นะครับ ทว่าสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยก็คือทุกอย่างล้วนสอดคล้องเกี่ยวพันกัน เพราะฉะนั้นนอกจากเรื่องโชคและดวงแล้ว การบริหารจัดการก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน

    ไม่มีเหตุ ก็จะไม่มีผล

    ทีมมีขุมกำลังที่ดี ตัวสำรองทดแทนตัวจริงได้ นักเตะเข้าใจระบบ และที่ผมยังเชื่อไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คือการจัดตัวของคล็อปป์ที่กำหนดผู้เล่นที่จะใช้อย่างละเอียดและรอบคอบที่สุดในทุกๆ เกมส่งผลถึงสภาพทีมแข็งแรงดีเยี่ยมในวันนี้

    แน่นอนมันผ่านช่วงปัญหาบาดเจ็บมาเหมือนกันช่วงต้นและกลางฤดูกาล แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก การบาดเจ็บมันเกิดขึ้นกับนักฟุตบอลเป็นเรื่องธรรมดา



    ลิเวอร์พูลเจอปัญหากองกลางเจ็บในช่วงนั้น มันก็กระทบทีมอยู่บ้างแต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แนวทางที่วางเอาไว้ในฤดูกาลนี้จะด้วยเหตุผลประกอบอื่นใดก็ช่างแต่มันชัดเจนอยู่แล้วว่าทีมยังมั่นใจในขุมกำลังแดนกลาง 7-8 คนนี้ ไม่ต้องซื้อใครใหม่ หรือยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะซื้อใครใหม่

    เหตุผลประกอบที่ว่าอาจจะเป็นเรื่องข้อจำกัดด้านการเงิน พิษโควิด ต่อเติมสนาม ต่อสัญญานักเตะเก่า หรือยังขายคนเก่าไม่ออกเพราะเขาไม่ย้าย หรือคนใหม่ถูกโก่งราคา หรือจะอะไรก็แล้วแต่รวมๆ กันแล้วเป็นบทสรุปว่ามันยังคงเป็นทีมชุดนี้ นักเตะเกรดเอใครก็อยากได้แต่ใช่ว่าคิดจะซื้อก็ซื้อได้เลย คุณจะเอาเหตุผลด้านฟุตบอลเป็นใหญ่อย่างเดียวโดยมองข้ามหัวเรื่องอื่นๆ ทุกเรื่องเลยคงไม่ได้

    จำได้ว่าเสียงวิจารณ์จากแฟนบอลในช่วงนั้นหนักหน่วงเอาการ ที่เน้นๆ เลยก็ประมาณว่านักเตะที่มีอยู่เยอะนั้นมันแค่ปริมาณไม่มีคุณภาพ เจ็บบ่อยเจ็บนาน ทว่าไอ้ที่ไม่มีคุณภาพเจ็บบ่อยเจ็บนานทั้งหลายนั้นล้วนมีส่วนคนละมากบ้างน้อยบ้างในการพาทีมมาถึงจุดนี้

    บางคนก็เป็นตัวหลักอย่างติอาโก้ (เจ็บนาน) บางคนก็กลายเป็นที่เรียกหากันแล้วในตอนนี้อย่างเกอิต้า (เจ็บบ่อย) หรือคนอื่นๆ ที่โดนด่าว่าไร้คุณภาพอย่างน้อยตอนที่ลงเล่นก็ทำให้ตัวหลักได้พักเตรียมสู้ศึกในฤดูกาลที่ยาวนาน

    ผมคิดว่าด้วยความสัมพันธ์แนบแน่นที่คล็อปป์สร้างเอาไว้ ทุกคนในทีมจะมองกันและกันว่าเป็น "คนใน" เป็นทีมเดียวกัน ไม่มีใครมองเพื่อนที่เจ็บบ่อยเจ็บนานหรือเล่นไม่ดีว่ามึงมัน "คนนอก" แปลกแยก ไม่มีประโยชน์ ไร้คุณค่า เป็นตัวถ่วง เพราะทุกคนเข้าใจความหมายของคำว่า "ทีม"



"ทีม" คือการผูกมัดใจกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีข้า ไม่มีเอ็ง
"ทีม" คือการร่วมใจกันนำองค์กรฝ่าฟันไปให้ถึงจุดหมาย ทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง รับผิดชอบและทุ่มเท
"ทีม" คือการเสียสละ หยิบยื่นมือให้เพื่อนในทีมที่กำลังต้องการคำแนะนำหรือความช่วยเหลือ พร้อมเข้าปะทะทำหน้าที่แทนกัน
"ทีม" คือในวันที่ผู้เล่นตัวหลักขาดหาย บาดเจ็บ หรือเล่นไม่ออก ตัวสำรองสามารถรับมือแทนร่วมกับตัวหลักคนอื่นๆ และพาทีมเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้
นั่นคือทีม และทีมอย่างที่ลิเวอร์พูลมีในเวลานี้ผมมั่นใจว่าไม่มีพวกข้าไม่มีพวกเอ็ง มีแต่พวกเรา

    อุปสรรคระหว่างทางเกิดขึ้นได้เสมอ ทุกๆ ทีมต่างก็เจออุปสรรคด้วยกันทั้งนั้นมากน้อยแตกต่างกันไป แนวทางและเป้าหมายที่ชัดเจนต่างหากที่สำคัญกว่า มันต้องไม่สั่นคลอน เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็แก้ปัญหาร่วมกันไม่ใช่มัวแต่ร้องโอดโอยประกาศป่าวร้องหาคนผิดอยู่ร่ำไป

    คล็อปป์เชื่อมั่นในลูกทีมของเขาและเข้าใจดีถึงภารกิจชุกชุมที่รออยู่ เขาต้องถนอมร่างกายนักเตะเพื่อพาทีมทั้งทีมไปให้ถึงปลายทาง เมื่อถึงจุดที่คุณรู้ตัวว่าทีมมีลุ้นแชมป์ครบทุกรายการอย่างจริงๆ จังๆ คุณก็ไม่สามารถใช้ผู้เล่นตัวหลักชุดเดิมๆ ได้ทุกเกมโดยไม่พัก

    เขาจึงหมุนเวียนนักเตะลงสนามบ้าง ถอดออกมาพักบ้าง ส่งลงเล่นครึ่งหลังบ้าง และก็เริ่มทำมันมาตั้งแต่ที่แฟนบอลยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ

    จังหวะเวลาและไทม์มิ่งที่เอื้ออำนวยก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง คล็อปป์สามารถจัดทีมชุดใหญ่ลงไปฟัดกับเชลซีในนัดชิงลีก คัพที่เวมบลีย์ได้โดยที่นักเตะชุดสองและเยาวชนที่กรุยทางมาในรายการนี้เป็นแค่คนดู แต่เขามอบโอกาสให้นักเตะกลุ่มนี้ในเกมเอฟเอ คัพ กับ นอริช ซิตี้ สี่วันให้หลัง



    หลังจากชนะรวดมา 12 เกมในทุกรายการและตามธรรมชาติจะต้องสะดุดบ้างเพื่อเริ่มเข้าเบรกกันใหม่ ลิเวอร์พูลก็แพ้เอาในเกมที่ไม่ส่งผลอะไรเลยคือแพ้อินเตอร์ มิลาน ที่แอนฟิลด์

    หลังจากแพ้ทีมงูใหญ่ในเกมนั้น ลิเวอร์พูลยังไม่แพ้ใครอีกเลยใน 9 นัดต่อมาจนถึงเวลานี้

    การได้พักตัวหลักในเกมเจอเบนฟิก้าก่อนตัดเชือกเอฟเอ คัพกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และผู้เล่นสำคัญของทีมเรือใบสีฟ้าเจ็บมาจากเกมหนักๆ กับแอตเลติโก มาดริด

    หรือกระทั่งความละเอียดอ่อนของคล็อปป์ พัก ซาลาห์ ที่ไม่สมบูรณ์เต็มร้อยและจึงเลือกพักมาเน่ที่ฟิตเต็มที่ด้วยในเกมเอฟเอ คัพกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เพื่อให้ทั้งสองคนมีสภาพที่ดีพร้อมสำหรับการกลับไปรับใช้ชาติในนัดชิงตั๋วฟุตบอลโลกที่เจอกันเอง เสี่ยงไหม.. เสี่ยงอยู่แล้ว แต่ผลดีมีมากกว่าถ้าทีมเอาชนะเจ้าป่าได้

    ถ้าคู่ต่อสู้ในเกมนั้นไม่ใช่ฟอเรสต์แต่เป็นทีมใหญ่ๆ ในพรีเมียร์ลีก คล็อปป์อาจจะทำอย่างนั้นไม่ได้ก็ได้

    จังหวะไทม์มิ่งที่ดีคืออีกเหตุผลหนึ่งที่เข้ามาประกอบฤดูกาลที่น่าพอใจนี้ของลิเวอร์พูล

    ไม่เพียงเท่านั้นคล็อปป์ยังมีทีมงานที่ดี มีทีมแพทย์ที่เก่ง รักษานักเตะถูกจุด กระบวนการฟื้นฟูเน้นความแน่นอนไม่รีบร้อน เน้นผลลัพธ์เป็นเลิศไม่ใช่แค่รักษาให้พอหายเจ็บแต่ต้องหายขาดและกลับมาสมบูรณ์จริงๆ ยกตัวอย่างตอนที่ติอาโก้เจ็บตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว คล็อปป์ยืนยันว่าจะไม่รีบส่งเขาลงสนามจนกว่าจะหายร้อยเปอร์เซนต์จริงๆ ไม่มีการเข็นลงเป็นอันขาด

    เพราะการฟื้นตัวของนักเตะแต่ละคนแต่ละวัยก็แตกต่างกัน บางคนฟื้นตัวช้า บางคนฟื้นตัวเร็ว การกำหนดทิศทางและระยะเวลาการรักษานักฟุตบอลแต่ละคนจึงอาจไม่เหมือนกัน

    ลองย้อนกลับไปยืนตรงจุดที่เกิดเหตุแล้วกลับมามองปัจจุบันสิครับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ใกล้จะกลับมาเป็นพี่ยักษ์คนเดิมแล้ว ติอาโก้ก็โลดแล่นสง่างามราวกับเป็นวาทยากรบนฟลอร์หญ้า โจ โกเมซฟิตเต็มที่เป็นตัวหมุนใช้ในตำแหน่งแบ๊กขวา โฌแอล มาติป สมบูรณ์แข็งแกร่งพาบอลเติมขึ้นหน้าได้สนุก สี่คนนี้มีทั้งที่เจ็บหนักและเจ็บถี่ทั้งนั้น

    คนอื่นๆ อีกเล่า นาบี เกอิต้า แข็งแรง อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน แข็งแรง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ แข็งแรง (อาการเจ็บเท้าเพิ่งเกิดขึ้นหลังเกมล่าสุดนี้เอง) ดีโอโก้ โชต้า แข็งแรง ดิว็อค โอริกี้ แข็งแรง เคอร์ติส โจนส์ หายเจ็บดวงตา
ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ กลับมาวิ่งปร๋อได้แล้ว



    บางคนเป็นห่วง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เรื่องความฟิต ขณะที่ก่อนเกมแดงเดือดมีเสียงกังวลเกี่ยวกับฟอร์มและความมั่นใจของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บางความเห็นไปไกลถึงขั้นตำหนิเฮนโด้ที่วิ่งจนหมดแรงยกขาไม่ขึ้นในเกมเยือนเอติฮัด สเตเดี้ยม หรือซาลาห์ก็ถูกหยิบเอาเรื่องสัญญาฉบับใหม่มาเป็นอคติ

    แต่เขาทั้งคู่ก็ยังแข็งแรงดี และยังคงเป็นอะไหล่สำคัญของทีมเหมือนเดิม ซาลาห์ซัลโว 2 ประตูใส่ปีศาจแดงแล้วความวิตกกังวลทั้งหลายก็หายไป เหลือเฮนโด้ที่กำลังชาร์จพลังของเขา ทุกคนรู้จักกัปตันของเราดีอยู่แล้ว ความไม่เคยย่อท้อหรือยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ใช่หรือที่ทำให้เขาชนะใจเรา เราควรส่งแรงใจให้เขามากกว่าคำถากถางว่าหมดสภาพไหม

    ที่สำคัญคือถ้าทั้งสองคนยังมีความสำคัญในสายตาของคล็อปป์และได้รับโอกาสลงสนาม ทำไมเขาทั้งคู่ถึงจะไม่สำคัญต่อทีมเล่า

    แน่นอนครับในอนาคตปัญหาบาดเจ็บก็อาจจะเกิดขึ้นได้อีก มันเป็นเรื่องธรรมดาของเกมฟุตบอล เมื่อมันเกิดขึ้นทุกคนก็ต้องร่วมกันแก้ปัญหากันไปด้วยวิธีการที่ถูกต้องที่สุด

    ในทางที่ต่อเนื่องตามมา อีกด้านของเหรียญนั้นย่อมมี เมื่อขุมกำลังฟิตสมบูรณ์ทั้งหมดปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บหมดไปมันจะสวิงข้ามไปที่ปัญหาใหม่นั่นคือการที่นักฟุตบอลบางคนจะไม่มีโอกาสได้ลงเล่นมากเท่าที่ควรเหมือนที่ ทาคุมิ มินามิโนะ กำลังประสบอยู่ในเวลานี้

    นั่นก็เป็นปัญหาที่ผู้จัดการทีมต้องหาทางแก้ไขเช่นกัน

    ตัวเจ็บเยอะก็ปวดหัวอย่างหนึ่ง ตัวสมบูรณ์พร้อมก็ปวดหัวอีกอย่างหนึ่ง ยังไม่รวมถึงภารกิจหลักทำทีมให้เล่นฟุตบอลได้ตามที่อยากให้เป็นและประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย การทำทีมฟุตบอลสักทีมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

    เรื่องต่างๆ เหล่านี้แฟนบอลอินได้ มีความคิดเห็นได้ แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยวาง มันเป็นหน้าที่ของคนที่รับผิดชอบโดยตรง การวางแผนรับมืออุปสรรคอื่นใดในฤดูกาลใหม่ นักเตะที่ยังไม่ต่อสัญญา ขุมกำลังที่ต้องเสริม หรือใครควรขายใครควรเก็บเอาไว้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคล็อปป์และทีมงานของเขารวมทั้งฝ่ายบริหารดีกว่า แฟนบอลก็แค่ตามลุ้นไปด้วยกัน ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้างก็ขอให้แสดงออกด้วยทัศนคติและคำพูดที่ดี

    เดอะค็อปหลายคนชอบในทุกๆ ภาคส่วนของลิเวอร์พูลในเวลานี้ อย่างที่บอกนั่นล่ะครับว่าชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าทีมฟุตบอล ทุกคนจึงต้องทำงานกันเป็น "ทีม" ทุกๆ ส่วนเป็นฟันเฟืองหมุนเครื่องจักรสีแดงให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยกันทั้งนั้นไม่ใช่แค่นักเตะหรือผู้จัดการทีม

    แนวทางการทำงานของทุกฝ่ายสอดคล้องและเอื้อเฟื้อต่อกัน ลิเวอร์พูลในตอนนี้เหมือนครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยสมาชิกที่มีคุณภาพ แต่ละคนถนัดและเชี่ยวชาญในงานของตัวเองอย่างถ่องแท้ ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยทัศนคติที่เป็นบวก

    องค์กรไหนมีทีมงานแบบนี้ก็ย่อมคาดหวังได้ถึงความยั่งยืนและการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง

    ลองดูแนวคิดเรื่องการซื้อนักเตะระหว่างคล็อปป์กับไมเคิ่ล เอ๊ดเวิร์ดส์ และ จูเลียน วอร์ด สิครับ ลองดูการทำทีมของคล็อปป์กับทิศทางการบริหารของฝ่ายบริหารก็ได้ หรือจะลองดูการให้สัมภาษณ์ของเขาเรื่องการรักษาผู้เล่นที่เจ็บ เรื่องการฝึกซ้อม เรื่องโภชนาการ หรือเรื่องอะไรต่อมิอะไร เราไม่เคยเห็นความขัดแย้งในทิศทางการดำเนินงานเลย

    มันเป็นแค่บทสัมภาษณ์แต่เรามักจะได้เห็นอะไรมากกว่าบทสัมภาษณ์ คล็อปป์บอกเสมอว่าเขาเก่งในทุกๆ เรื่องไม่ได้ เขาต้องมีทีมงานที่พร้อมสนับสนุนซึ่งกันและกันด้วย

    การสนับสนุนประสานสอดคล้องซึ่งกันและกันนั่นเองที่เราเรียกว่าทีม ลิเวอร์พูลในเวลานี้มีภาพของความเป็นทีมชัดเจนเหลือเกิน

    ใช่ครับ นั่นคือทีม ทีมอย่างที่ลิเวอร์พูลมีและเป็นในเวลานี้..

    ไม่มีพวกข้า ไม่มีพวกเอ็ง มีแต่พวกเรา